วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

ภาพกิจกรรม





4

3

2

1

คาถาที่ใช้ในพิธีไหว้ครู

คาถาที่ใช้ในพิธีไหว้ครู

คาถาประกาศชุมนุมเทวดา
** สักเคกาเม จะรูเป คิริสิริขะระตะเฎ จันตะลิกเข วิมาเน ทีเปรัฎเฐ จะคาเม
ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิเขตเต ภุมมาจายันตุเทวา ชะละถะลวิสะเม
ยักขะคันทัพพะนาคา ติฎฐันตา สันติเกยัง นุนิวะระจะนัง สาธะโว เมสุณันตุ
ธัมมะสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมะสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมะสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตาฯ
** วันทิตวา อาจาริยะปาทัง เม สัการิยะ สัมพินทะยายัง สัพพะโทสัง
วินัสสันติ สิริเทพเอยยา วิโย ทะยามัง มะเหสุรัง วิสุทธิเทเวสสะ
สัพโพทิพยะสังเค มันตุ มาระสิทธิฯ
** โอมพระภูมิพระธรณีกรุงพาลี ตัมเปยยะปะริวารา เอหิสัตถายะ
อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ สวาหายะฯ
** นะมามิสิระสานาโค ปะถะวียัง ปะริพาระโต สุคะสัมปัตติสัมพะทาฯ
** ปะริมาทิสัง ธะตะรัฎโฐ จะ มหาราชา ทิสาภาเค เตปิตุมเห
อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะฯ
** อาคะเณยัสมิง คัมธัพโพ จะ มหาราชา ทิสาภาเค เตปิตุมเห
อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะฯ
** ทักขิณัสมิง วิรุฬหะโก จะ มหาราชา ทิสาภาเค เตปิตุมเห
อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะฯ
** หรติสมิงเทวา จะ มหาราชา ทิสาภาเค เตปิตุมเห
อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะฯ
** ปัจฉิมัสมิง วิรูปักโข จะ มหาราชา ทิสาภาเค เตปิตุมเห
อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะฯ
** พายัพสมิง นะคะราชา ทิสาภาเค เตปิตุมเห
อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะฯ
** อุตะระสมิง กุเวโร จะ มหาราชา เตปิตุมเห
อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะฯ
** อิสาณัสมิง ยักขา จะ มหาราชา เตปิตุมเห
อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะฯ
** สูปะพยัญสชนะสัมปันนัง ปะริภุญชันตุฯ
** โอมนะโมพุทธรัตนัง สะระณังคัจฉามิ โอมนะโมธัมมะรัตนัง
สะระณังคัจฉามิ โอมนะโมสังฆะรัตนัง สะระณังคัจฉามิ อุปริสมิง
ทิสาภาเค จัตตาโรเทวา มหาเทวา จันโท จะ สุริโย จะ อินโท
จะ พรหมาโน จะ เสยยะถี ทังทิ โต จะ พุทธทปัสสะนา
ธัมมะปัสสะนา สังฆะปัสสะนา พุทธคาระวะตา ธัมมะคาระวะตา
สังฆะคาระวะตา เอหิสะมาคันตวา อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ ทิโต
จะ สุรักโข จะ เทวะเสฎโฐ จะ เทวะปุญญะโก จะ จรังวา
ฐิตังวา ติฎฐังวา นิสินนังวา สยานังวา รัตติงวา ทิวังวา
สัพหะทาตัง รักขักตุ มหาเทวาติฯ
เมื่ออ่านประกาศชุมนุมเทวดาบูชาฤกษ์เสร็จแล้ว ต่อจากนั้น
ให้สวดคาถาสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยต่อไป
คาถาสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย
นโมตัสสะ ภาคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า 3 จบ)
- พุทธังชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระนังคัจฉามิฯ อิติปิโสภะคะวา
อะระหังสัมมา สัมพุทโธ วิชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตะโร ปุริสะทัม มะสาระถิ สัตถาเทวะ มนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ
- ธัมมังชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิฯ สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม
สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติฯ
- สังฆังชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิฯ สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทังจัตตาริ ปุริสะยุคะนิ อัฏฐะปุริสะปุคลา เอสะภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชลีกรณีโย อะนุตตรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ
- พุทธปูชา มหาเตชะวันโต ธัมโมปูชา มหาเตชะวันโต สังฆะปูชา มหาโภคะวะโห
ติโลกะเสฏฐัง อะภิปูชยามิฯ

เมื่อสวดคาถาบูชาสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยจบลงแล้ว ต่อไปนี้
ให้บูชาคาถาคุณครูบาอาจารย์ต่อไป

คาถาบูชาครู
- วันทิตวา สุคะนาธัง พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สาธุกัง นะโมพุทธายะ
พิพพมันตรานัง ปะวักขามิ ยะถาพลัง ปัญจะอักขรา นิชาตา นโมพุทธายะ
วันทะติฯ
- นะมัสสิตวา อิสีสิทธิ โลกะนาถัง อะนุตตะรัง อิสีจะพันธนัง สาตรา
อะหังวันทามิตัง อิสีสิทธิ เวสสะฯ
- วันทิตวา อาจาริยัง ครูปาทัง อาคัจฉาหิ สัพะกัมมา ประสิทธิเม สัพพะอันตรายัง
วนัสสันติ สัพพะสิทธิ ภะวันตุเมฯ
- มะอะอุ อธิกะมูลัง ตรีเทวานัง มหาศาสตรา อุอุ อะอะ มะมะ มันตรา อุสาอะวา
มหามันตังฯ
- องการพินธุนาธัง อุปปันนังพรหมา สหบดี นามังอาธิกัปเป สุอาคะโต ปัญจะปะทุมัง
ทิสวา นะโมพุทธายะ วันทะนังฯ
- สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยะ ตะถาคะโต สิทธิเตโชชัย โยนิจจัง สิทธิลาโภ
นิรันตรัง สิทธิกัมมัง ภะวันตุเมฯ

เมื่อว่าคาถาบูชาครูจบแล้ว ต่อจากนี้ให้สวดมนต์บูชาถวายเครื่องสังเวย ดังนี้
(ถ้ามีแต่ดอกไม้ธูปเทียน ไม่มีเครื่องสังเวย ไม่ต้องว่ามนต์คาถาบูชาเครื่องสังเวย

มนต์ถวายเครื่องสังเวยครู
ยมหังครูอาจาริยัง สะระณังคะโต อิมินาสักกาเรนะตัง ครูอาจาริยัง อภิปูชยามิ
ทุติยัมปิ ยมหังครูอาจาริยัง สะระณังคะโต อมินาสักกำเรนะตัง ครูอาจาริยัง อภิปูชายามิ
ตะติยัมปิ ยมหังครูอาจาริยัง สะระณังคะโต อิมินาสักการเรนะตัง ครูอาจาริยัง อภิปูชยามิฯ
โอมครูเทวะนะมามิ ข้าขอยกกรชุลี ด้วยยินดีเคารพคำนับนบครูผู้เฒ่า แต่ก่อนแก่ปัจจุบัน
ครูเลขครูยันต์ ครูว่านและครูยา ครูตำหรับครูตำรา ครูเวทมนต์ดลคาถา ครูนะโม กอ ขอ
และกอกา ครูอัขระขอมไทยจนจบหมด ที่ข้าพเจ้าได้ศึกษาเล่าเรียนมา ข้าพเจ้าขออัญเชิญ
ครูบาอาจารย์ทั้งหลายนั้น ขอเชิญมาชุมนุมกัน ณ สถานอันเป็นมงคลที่นี้ฯ

ศรี ศรี วันนี้เป็นวันดี ข้าพเจ้าตกแต่งบายศรีไว้พร้อมเสร็จ ศรีษะสุกร เป็ด ไก่
ข้าวและเหล้า ขนมต้มแดงต้มขาว พร้อมทุกสิ่ง มะพร้าวอ่อน น้ำหวานยิ่งโอชารส
อีกผลไม้ อันเอมรสโอชา ทั้งธูปเทียนชวาลาและดอกไม้ เพื่ออุทิศถวายแด่ครูบา
ขอครูอย่าได้ละเลย เชิญรับเครื่องสังเวย สักการะกิจส่วนอทิจำนง จงกรุณาอภัยโทษ
โปรดรับเครื่องสังเวยสรรพเหล่านี้ ณ กาลบัดนี้เทอญฯ
เมื่อกล่าวคำถวายเครื่องสังเวยครูจบแล้ว ต่อจากนี้ให้อ่านโองการชุมนุมครูต่อไป
ว่าดังนี้

โองการชุมนุมครู
พุทธังวันทิตวา ข้าพเจ้าขอไหว้ซึ่งพระพุทธคุณณัง
ธัมมังวันทิตวา ข้าพเจ้าขอไหว้ซึ่งพระธรรมคุณณัง
สังฆังวันทิตวา ข้าพเจ้าขอไหว้ซึ่งพระสังฆคุณณัง

อนึ่งข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า
อีกทั้งคุณบิดามารดา คุณอุปัชฌาาย์ คุณครูบาอาจารย์ คุณพระฤาษีนารอท
คุณพระฤาษีนาไลย คุณพระฤาษีตาวัว คุณพระฤาษีตาไฟ คุณพระฤาษีประไลยโกฎ
คุณพระฤาษีกัสสป คุณพระฤาษีไกรภพ คุณพระฤาทัศมงคล ทั้งเพชร์ฉลูกัน
และนักสิทธิ์วิทยา อีกทั้งนางะรณี นางพระคงคา พระเพลิง พระพาย
พระศวรผู้เป็นเจ้าฟ้า เธอมาประสิทธิพระพรชัยให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพจ้าจะขออัญเชิญ
เทพยดาทั้งหลายทั่วพื้นปฐพีดล พระฤาษีทั้ง ๑๐๘ ตน บันดาลดลด้วยสรรพสิทธิวิทยา
พระครูพา พระครูเฒ่า ครูพักและครูอักษรสถาพรกรรมสิทธิแก่ข้าเพจ้าในการบัดนี้เทอญฯ
อิติปิโสภะคะวา ข้าพเจ้าขออัญเชิญสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอยู่เกล้าเหนือผม
ขอเชิญพระพรหมมาอยู่เบื้องบ่าซ้าย ขอเชิญพระนารายณ์มาอยู่เบื้องบ่าซ้าย
ขอเชิญนางพระคงคามาเป็นน้ำลาย ขอเชิญพระพายมาเป็นลมปาก
ขอเชิญพญานาคเป็นสร้อยสังวาลย์ ขอเชิญพระกาฬมาเป็นดวงใจ ข้าเจ้าจะกระทำสิ่งใด
ภูตพรายใดอย่าได้มาเบียดเบียนบีฑา อย่าได้ประมาทพลาดพลั้ง ขออัญเชิญครูแห่งหนหลัง
พระฤาษทั้ง ๑๐๘ ตน เดชะคุณครูบาธิยายอันเลิศล้ำ คุณครูอยู่ในถ้ำจงมาช่วยอวยพระพรชัย
ให้แก่ข้าพเจ้า พุทธังประสิทธิมหาประสิทธิ ธัมมังประสิทธิมหาประสิทธิ
สังฆังประสิทธิมหาประสิทธิฯ

เมื่ออ่านโองการชุมนุมครูจบแล้ว
ต่อจากนี้ให้อ่านโองการสรรเสริญคุณครูและขอพรต่อไป ว่าดังนี้

โองการสรรเสริญคุณครู
อุกาสะ วิปฎิ ปฎิพาหายะ อุกาสะอาราธนานัง ครูอาจาริยัง
อาคัจฉันตุ ปริมันภะสัง ปูชนียัง สัมพะสิทธิ กะเรนะตุมัง
สิทธิเตชัง สิทธิพลัง สิทธิกิจจัง อะหังวันทามิ ตังสะทาฯ

โอมนะโมมนัสการ ข้าจะไหว้คุณพระอาจารย์สิ้นทั้งมวล ตั้งแต่คุณท้าวมหาพรหม
และพระอิศวรเป็นประธาน อีกคุณดิน คุณลม คุณน้ำ คุณไฟ คุณอนุโลมปฎิโลม
คุณอัสวาส คุณนิสวาส คุณอากาศเป็นปริโยสานชั้นที่สุด อีกทั้งคุณพระพุทธเจ้า
คุณะธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า คุณเทพเจ้า ตั้งแต่พระอาทิตย์ พระจันทร์
พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู พระเกตุบดี
ขอบารมีเป็นที่พึ่งแก่ข้าเจ้า ทั้งนางธรณี นางพระคงคา นางเมฆขลา
อันสถิตเที่ยวอยู่ในสาคร ทั้งหมู่เพทยาธรเธอเสด็จจรในอากาศ
อีกคุณพระฤาษีผู้ประสิทธิประสาท ครูผู้รู้สมเวทและสมยา สรรพยา สรรพคาถา
และอาคมเธอเสด็จทุกสถาน ข้าพเจ้าจะขอนมัสการกราบไหว้
ขอให้ข้าพเจ้าเชี่ยวชาญทั้งคุณว่านและคุณยา คุณมนตราและคาถา
ขอให้เป็นศรีสิทธิเดโชชัย ทั้งอักขระที่มีฤทธิ์ทั้งนิคหิตที่เที่ยวไกล
อักขระใดๆเชิญมาสถาพร ทุกพรเวทสโมสร พระอิศวร เธอถวายอวยพร
ประสาทประสิทธิให้แก่ข้าพเจ้ามา ทั้งคุณพระเวทและว่านยา
สิทธิสัพพะสุขัง ภะวันตะเมฯ

เมื่ออ่านโองการสรรเสริญคุณครูจบแล้ว ต่อไปนี้ให้สวดมนต์เชิญ
อักขระเวทมนต์คาถาเข้าในตัว เพื่อให้เกิดสวัสดิ์มงคลเวทมนต์คาถาขลัง
ศักดิ์สิทธิ์ประสิทธเมอยู่ในตัว และมีผลสำเร็จอันพึงปรารถนา
ก่อนที่ภาวนาปลุกเสกสิ่งอันใด ว่าดังนี้

เอหิคาถัง ปัยังกาโย ทิศาปาโมกขัง อาจาริยัง เอหิพุทธานุภาเวนะ
เอหิธัมมานุภาเวนะ เอหิสังฆานุภาเวนะ กูจะสูบพระคาถาทั้งปวงขึ้นเหนืออก
กูจะยกคาถาทั้งปวงขึ้นไว้เหนือเกศ พระครูกูเธอจึงให้กูเป็นเอกแก่คนทั้งหลาย
เอหิคลายๆปิยังนะมะฯ

พุทธัง สะระหิโสมาเร สะระเอหิมาเร มาระ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิฯ
ธัมมัง สะระเอหิมาเร มาระ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิฯ
สังฆัง สะระเอหิมาเร มาระ อาคุจฉายะ อาคัจฉาหิฯ
กะขะคะฆะงะ จะฉะชะฌะญะ ฎะฐะฑะฒะณะ ตะถะทะธะนะ ปะผะพะภะมะ
ยะระละวะ สะหะใะอัง ทรงอะ ทรงอา ทรงอิ ทรงอี ทรงอุ ทรงอู ทรงเอ
ทรงโอ ทรงเอา ทรงอัง ทรงอะ ทรงนะโมพุทธายะ ทรงอักขระ ๔๑ ตัว
โอกาเสติฎฐาหิ ติฎฐาหิฯ (อักษรบาลีไม่ใช้สระอะ)

เมื่อจะทำการปลุกเสกสิ่งใดๆก็ดี ให้เอามนต์บทนี้ภาวนาบริกรรมเรียกอักขระเวทมนต์
คาถาทั้งปวง เข้ามาสิงสู่ในตัวเสียก่อน จึงใช้คาถาบทอื่นปลุกเสกต่อไป
หรือสวดทุกๆวันก็ยิ่งดี ทำให้อาคมเกิดความขลัง มีพลังความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
เพื่อไม่ให้อาคมออกจากกายไป เพราะเกจิอาจารย์กล่าวว่า คาถาอาคมมีเวลาออก
จากกายได้เหมือนกัน และป้องกันผู้อื่นคัด สูบ หรือเรียกเอาคาถาอาคมของเรา
ออกจากกายไปดังนั้นเมื่อสวดมนต์เรียกอาคมเข้าในตัวแล้ว จึงต้องใช้คาถาภาวนา
บริกรรมผูกอาคมให้อยู่กับตนด้วย

คาถาผูกอาคมอยู่กับตัว
อิติอักขรานามะโหนะติ เอหิพันธัง พันธัง นะโมพุทธายะ นะผูก โมมัด พุทรัด
ธารึง ยะกรึง อะสังวิสุ โลปุสะพุภะ อิมังกายะ พันธะนัง อะทิถามิฯ
เมื่อสวดมนต์อ่านโองการบูชาครู และว่าคาถาผูกอาคมจบลงเรียบร้อยแล้ว
จุดธูปเทียนบูชาอีกครั้ง และเมื่อธูปเทียนดับหมดแล้ว ให้ว่าคาถาลาเครื่องสังเวย
๓ ครั้ง และว่าคาถาส่งครูบาอาจารย์เสด็จกลับวิมานสถาน ๓ ครั้ง ว่าดังนี้

คาถาลาเครื่องสังเวย
เสสังมังคะลังยาจามิ
ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบความสุขความเจริญ สมความปรารถนาทุกประการ เทอญฯ
คาถาส่งครูเสด็จกลับวิมาน
เยสุปเปยุตตา นะมะสา ทันเหฯ
ขออัญเชิญครูบาอาจารย์เสด็จกลับวิมานสถานของท่าน โดยสวัสดิภาพ เทอญฯ
เสร็จพิธีไหว้ครู

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

เครื่องหมายโอม สัญลักษณ์แห่งศาสนาพราหมณ์

เครื่องหมายโอม สัญลักษณ์แห่งศาสนาพราหมณ์
ในบทสวดมนต์ของเทพทุกองค์ในศาสนาพราหมณ์ จะขึ้นต้นด้วยคำว่า "โอม..."
และในรูปวาดมหาเทพเกือบทุกรูป จะปรากฏเครื่องหมาย "โอม" อยู่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
ในภาพ ซึ่งคำว่า โอม นี้เป็นหัวใจหลักของศาสนาเลยทีเดียว!!

โอม...เป็นพยางค์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นคำที่ถูกเอ่ยถี่ที่สุด ในการสวดมนต์ทุกบทของ
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

คำว่า โอม มีลักษณะดังที่เห็นในรูป สังเกตุได้จากลักษณะเด่น คือ
- มีเครื่องหมายคล้ายเลข 3 นำหน้า
- มีเครื่องหมายคล้าย ง. งู ต่อท้าย
- มีถ้วยและหยดน้ำ (เครื่องหมายจุดพินทุ) อยู่ด้านบน

(นอกจากโอมแบบมาตรฐานนี้แล้ว ยังมีอีกหลายลักษณะ ตามแต่ละท้องถิ่น
และภาษาของอินเดีย ผู้เขียนจะนำมาเล่าในโอกาสต่อไป)
อักขระ โอม เกิดจากการเรียกพระนามของพระตรีมูรติทั้ง 3 รวมกันเป็นคำเดียว
ซึ่งแยกได้ดังนี้
อะ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระศิวะ (อะ)
อุ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระวิษณุ (อุ)
มะ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระพรหมมะ (มะ)

อะ อุ มะ....เมื่ออ่านออกเสียงให้ต่อเนื่องกัน จึงเกิดเป็นคำว่า "โอม" หมายถึง
การเรียกขานพระนามของ 3 มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ในหนังสือบางเล่ม จะสลับ
ความหมายไปมา บ้างก็ว่า อะ คือพระวิษณุ บ้างก็ว่า มะ คือพระศิวะ สลับไป
สลับมา แต่ละเล่มก็เลยเขียนไม่เหมือนกันเลย ขอผู้อ่านได้โปรดจำให้ขึ้นใจ
จะได้ไม่สับสนนะครับ


คำว่า โอม ยังสามารถแยกออกเป็นคำๆ ซึ่งมีที่มาโดยการเปล่งเสียงแต่ละคำ
ของมหาเทพได้อีกดังนี้
1. ตัว อะ - ออกจากพระพักต์ทางทิศเหนือของมหาเทพ
2. ตัว อุ - ออกจากพระพักต์ทางทิศตะวันตกของมหาเทพ
3. ตัว มะ - ออกจากพระพักต์ทางทิศใต้ของมหาเทพ
4. ตัว . (พินทุ) - ออกจากพระพักต์ทางทิศตะวันออกของมหาเทพ
5. เสียง นาท (เสียงที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยินและเข้าใจได้) - ออกจากกลางพระพักต์ของมหาเทพ



เมื่อท่านผู้ศรัทธาเดินผ่านเทวาลัยพระพิฆเนศวร หรือมหาเทพองค์ใดๆ
ควรพนมมือขึ้นเพื่อทำความเคารพ และให้เอ่ยคำว่า "โอม..." สั้นๆเพียง
คำเดียวในกรณีที่จำบทสวดเทพองค์นั้นๆไม่ได้ และไม่ใช่เอ่ยคำว่า "สาธุ"
นะครับ ต้องเป็นคำว่า "โอม" เท่านั้น จะสวดมนต์ จะขอพร จะกราบ
หรือกระทำสิ่งใดก็ตามแต่ ให้เอ่ยคำว่า "โอม" เสมอ

ฉะนั้นนับแต่นี้ไป หากท่านได้พบเห็นเทวรูปพระพิฆเนศ หรือเทพองค์อื่น
ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ให้เอ่ย
คำว่า "โอม" แทนคำว่า "สาธุ" ก็จะถูกต้องตามหลักปฏิบัติมากกว่าครับ

ท่านผู้ศรัทธาควรหมั่นสวดบูชาเครื่องหมาย
โอมนี้ด้วยเสมอ
หลังจากที่สวดบูชาเทพทุกองค์เสร็จแล้ว
มีคำสวดดังนี้


โอม การัม พินทุสัมยุกตัม
นิตยัม ธยายันติ โยคินา
กามะทัม โมกะสะทัม ไจวะ
โอม การายะ นะโม นะมะ ฯ

ความหมายของบทสวด :
เครื่องหมาย โอม อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ปรากฏคู่กับเครื่องหมาย พินทุ เสมอ
อันจะเป็นเครื่องหมายที่นำความปรารถนา สุขสมหวังมาให้
สามารถขจัดอุปสรรคทั้งหลายให้หมดสิ้น และชี้นำเหล่าโยคีไปสู่ปรีชาญาณ
ข้าพเจ้าขอน้อมสักการะเครื่องหมายโอมอันศักดิ์สิทธิ์นี้....

โดย : สยามคเณศดอทคอม Siamganesh.com
_________________
กรรมใดที่ทำ...
กรรมนั้นเป็นกรรมดี
หรือกรรมนั้นไม่ใช่กรรมดี
ไม่ว่าทำชาตินี้หรือชาติไหน
ก็มิอาจลบล้างได้
เปรียบได้กับการตบยุ่งตัวหนึ่งตาย เราแผ่เมตตาแต่มันก็ไม่ได้ฝื้นคืน

ถามคนไทย


"ถามคนไทย"

ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย สุรพล โทณะวณิก ขับร้องโดย สันติ ลุนเผ่

หัวใจถูกแทงกี่ขั้ว ตามตัวถูกฟันกี่แผล
ปู่ไทยตายไปกี่คนแน่ ไทยจึงได้แผ่มาถึงแหลมทอง

กระดูกไทยกระเด็นไปกี่ท่อน เชิงตะกอนเผาไปกี่หน
คอขาดกันไปกี่คน ไทยทุกคนจึงได้ไทยครอบครอง
เสียเลือดกันไปเท่าไหร่ เสียใจกันไปกี่ครั้ง
น้ำตาของไทยไหลหลั่ง ทุกๆครั้งที่ถูกเฉือนขวานทอง
เข่นฆ่ากันทำไม เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง
ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร
ไทยฆ่าไทยให้ชาติอื่นครอง
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร


เพลง สู้ไม่ถอย download

สู้เข้าไปอย่าได้ถอย
มวลชนคอยเอาใจช่วยอยู่
รวมพลังทำลายเหล่าศัตรู
พวกเราสู้เพื่อความยุติธรรม
เราเดินเคียงบ่าเคียงไหล่
ก้าวเข้าไปด้วยใจมุ่งมั่น
เขาจะฟาดเขาจะฟัน
พวกเราไม่พรั่นพวกเราสู้ตาย
สู้เข้าไปอย่าได้หนี
เพื่อเสรีภาพอันยิ่งใหญ่
รวมพลังผองเราเหล่าชาวไทย
สู้ขาดใจพวกเราเสรีชน

เร็วเร็วมา มาร่วมกันเดิน
เรามาเดิน เหล่าประชาชน
จงร่วมใจ เดินเข้าไป
จงคว้าชัยมาให้มวลชน
ความตายนั่นหรือ
เราไม่กลัว เราไม่เกรง
ใครมาข่มเหง เราจะสู้เราไม่ถอย
เราจะสู้จนชีพหลุดลอย
ไทยจะต้องเป็นไทย


เพลง นกสีเหลือง download

เจ้าเหินไปสู่ห้าวหาว เมฆขาวถามเจ้าคือใคร อาบปีกด้วยแสงตะวัน เจ้าฝันถึงโลกสีใด
“คุณจำได้ไหม เหตุการณ์เมื่อวันที่สิบสี่สิบห้าตุลาคม
คุณจำได้ไหม รอยเลือด คราบน้ำตา และฝันร้ายของผู้คน
วีรชนคนหนุ่มสาวของเราได้ตายไปท่ามกลางห่ากระสุนและแก๊สน้ำตา
ตายไปขณะชูสองมืออันว่างเปล่าเพื่อเรียกร้องหาเสรีภาพ
ณ บัดนี้ขอให้พวกเราจงพากันหยุดนิ่ง
และส่งใจระลึกถึงไปยังพวกเขาเหล่านั้น
อย่างน้อยก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ
และจะได้เป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่จะอยู่ต่อสู้อีกต่อไป…”


เพลง ราชดำเนิน download

โอ้ราชดำเนิน ถนนแห่งวีรชน
สวรรค์เบื้องบน รู้ดีเราสู้เพื่อใคร
เพื่อประชาชน เพื่อชาติประชาธิปไตย
แผ่นดินอยู่รอดปลอดภัย เพราะเราคนไทยไม่เห็นแก่ตัว

โอ้ราชดำเนิน ทอดยาวเรื่องราวต่อสู้
ทุกคนได้รู้ ยามสู้คนไทยไม่กลัว
ไตรรงค์สบัด โบกพัดในคืนสลัว
แม้ปืนเจ้ายิงถี่รัว ระงมไปทั่วท้องราชดำเนิน

ดำเนิน ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
แด่มวลประชาผู้กล้าท้าเผด็จการ
ราชเป็นชาติพลี ชีพนี้ชั่วกาลนาน
อยู่กับลูกกับหลานอยู่กลางใจพานประชาธิปไตย

ดำเนิน ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
แด่มวลประชาผู้กล้าท้าเผด็จการ
ราชเป็นชาติพลี ชีพนี้ชั่วกาลนาน
อยู่กับลูกกับหลานอยู่กลางใจพาน ณ ราชดำเนิน...


เพลง แสงดาวแห่งศรัทธา download

พร่างพรายแสงดวงดาวน้อยสกาว
ส่อง ฟากฟ้า เด่นพราวไกลแสนไกล
ดั่งโคมทอง ผ่องเรืองรุ่งในหทัย
เหมือนธงชัย ส่องนำจากห้วงทุกข์ทน
พายุฟ้า ครืนข่มคุกคาม
เดือน ลับยาม แผ่นดินมืดมน
ดาว ศรัทธา ยังส่องแสงเบื้องบน
ปลุก หัวใจปลุกคนอยู่ มิวาย
*ขอเยาะเย้ย ทุกข์ยาก ขวากหนามลำเค็ญ
คน ยังคง ยืนเด่นโดยท้าทาย
แม้ ผืนฟ้า มืดดับเดือนลับละลาย
ดาว ยังพราย ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน
ดาว ยังพราย อยู่จนฟ้ารุ่งราง


เพลง เพื่อมวลชน download

ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน
ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล
จะขอ เป็นนกพิราบขาว
เพื่อชี้นำชาวประชาสุขเสรี

ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา
จะนำพา ความร่วมเย็นเพื่อท้องนา
หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย
จะถมกายเป็นธารเพื่อมวลชน

ชีวายอมพลีให้ มวลชนที่ทุกข์ทน
ขอพลีตน ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง


เพลง สุดแผ่นดิน download

สุดดินคือถิ่นน้ำ
เขตครามไทยสุดแนว
เราถอยไปไม่ได้อีกแล้ว
ผืนดินสิ้นแนวทะเลกว้างใหญ่

ชาติไทยในเก่ากาล
ถูกเขารานย่ำใจ
เคยเสียน้ำตามากเพียงไหน
เสียเนื้อเลือดเท่าไรชาวไทยจำได้ดี

เราถอยมาอยู่แสนไกล
รวมเผ่าไทยอยู่อย่างเสรี
พระสยามทรงนำโชคดี
ผืนดินถิ่นนี้คือแผ่นดินทอง

ไม่มีที่แห่งไหน
ให้ไทยไปจับจอง
เราถอยไปไม่ได้พี่น้อง
ใครคิดมาแย่งครองผองไทยจงสู้ตาย


เพลง คำตอบในสายลม download

อีกสักกี่คนจึงจะหลุดพ้น จากเผด็จการ
อีกกี่ลูกหลาน จึงจะต้านทาน อำนาจทมิฬ
กี่วีระชน ที่ร่วงหล่น ถมทับแผ่นดิน
กี่เลือดหลั่งริน จึงเกิดก่อ ประชาธิปไตย
กี่ห่ากระสุน ที่เนรคุณต่อ ประชาชน
อีกกี่กลุ่มโจร ที่จะขุดโค่น ให้สิ้นซากไป
กี่พฤษภา กี่เดือนตุลา อีกกี่ตำนาน
คำตอบเหล่านั้น เพื่อนเอ๋ย อยู่ในสายลม


ถั่งโถมโหมแรงไฟ download

ปฏิวัติโค่นล้ม สังคมแบบเก่า
ปฏิวัติเพื่อเรา ประชาชาติไทย
มาร่วมกันดันกงล้อประวัติศาสตร์
สู่เอกราชจริงแท้ และสดใส

จับอาวุธ ถั่งโถม โหมแรงไฟ
เพื่อก้าวไกลแห่งสังคมอุดมการณ์
ทหารแห่งประชา ทำหน้าที่
กำจัดเหล่าไพรีปฏิกิริยา

ความลำบากนั่นคือมิตร ล้างอุปสรรค
โค่นจักรพรรดิฟาสซิสต์ และศักดินา
มันก่อกรรมทำร้าย เราเรื่อยมา
ชาติประชาเป็นดังผู้ พลีกรรม

มวลชนดั่งผนังทองแดงกำแพงเหล็ก
เอกลักษณ์นี่แหละหนาใช่คนต้อยต่ำ
คือผู้ยืนอยู่ยงคงทนยิ่ง

ทุกอย่างสิ่งผลิตผลมวลชนทำ

เรานักรบแห่งประชามาก้าวนำมือจะกำปืนกล้าประกาศชัย

อำนาจรัฐจักได้มาด้วยกระบอกปืน ปืนต่อปืนมันยิงมาเรายิงไป

ติดอาวุธความคิดพิชิตศึกปลุกสำนึกปลดปล่อยและปลุกใจ

ปฏิวัติ โค่นล้ม สังคมแบบเก่า
ปฏิวัติ เพื่อเรา ประชาชาติไทย

มาร่วมกันดันกงล้อประวัติศาสตร์
สู่เอกราชจริงแท้และสดใส

จับอาวุธถั่งโถมโหมแรงไฟ

เพื่อก้าวไกล แห่งสังคมอุดมการณ์


คนตีเหล็ก download

สุมไฟ ให้แรง
เหล็กก็แดงคุโชน
เรายกมันขึ้นทั่ง
เตรียมถั่งแรงปูดโปน
เฮเฮไฮ้ ฮึบฮือฮึบ เราลงพะเนิน
บนเหล็กแดงด้วยไฟ
ตี เข้าไป เอ้า ตี เข้าไป
ดัดแปลงรูปใด
ย่อมเสร็จได้ด้วยแรง

ทุ่มกาย ทุ่มใจ เพื่อให้ไทยเป็นไทย
ต้องสร้างด้วยไฟ ที่ลุกโชนโชติแดง
เฮเฮไฮ้ ฮึบฮือฮึบ
มารวมพลัง สร้างสังคมที่ดี
ตี เข้าไป ฮึบ ตี เข้าไป
สร้างโลกสดใส
ย่อมเสร็จได้ด้วยเรา

สุมไฟ ให้แรง
เหล็กก็แดงคุโชน
เรายกมันขึ้นทั่ง
เตรียมถั่งแรงปูดโปน
เฮเฮไฮ้ ฮึบฮือฮึบ เราลงพะเนิน
บนเหล็กแดงด้วยไฟ
ตี เข้าไป เอ้า ตี เข้าไป
ดัดแปลงรูปใด
ย่อมเสร็จได้ด้วยแรง

ทุ่มกาย ทุ่มใจ เพื่อให้ไทยเป็นไทย
ต้องสร้างด้วยไฟ ที่ลุกโชนโชติแดง
เฮเฮไฮ้ ฮึบฮือฮึบ
มารวมพลัง สร้างสังคมที่ดี
ตี เข้าไป ฮึบ ตี เข้าไป
สร้างโลกสดใส
ย่อมเสร็จได้ด้วยเรา


เพลง พลังประชาชน download

หยดฝนย้อยหยาดฟ้ามาสู่ดิน
ประมวลสิ้นเป็นมหาสาครใหญ่
แผดเสียงซัดปฐพีอึ้งมี่ไป
พลังไหล แรงรุด สุดต้านทาน
อันประชาสามัคคี มีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธ แสนศัตรู หมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน


เพลง เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ download

ม่านฟ้ายามค่ำ
ดั่งม่านสีดำม่านแห่งความร้าวระบม
เปรียบเหมือนดวงใจ มืดทึบระทม
พ่ายแพ้ซานซมพลัดพรากบ้านมา

ต่อสู้กู้ถิ่น และสิทธิ์เสรี
กู้ศักดิ์และศรีโสภา
จึงพลัดมาไกล ทิ้งไว้โรยรา
จะร้างดังป่าอยู่นับปี

เคยสดใส รื่นเริง ดังนกเริงลม
ถลาลอยชื่นชม อย่างมีเสรี
แม้ร้อยวัง วิมานที่มี
มิเทียมเทียบปฐพีที่รักมั่น

ความใฝ่ฝันแสนงาม แต่ครั้งเคยเนาว์
ชื่นหวานในใจเราอยู่มิเว้นวัน
ความหวังยังไม่เคยไหวหวั่น
ยึดมั่นว่าจักได้คืนเหมือนศรัทธา

แว่วเสียงก้องกู่ จากขอบฟ้าไกล
แว่วดังจากโพ้นนภา
บ้านเอ๋ย เคยเนาว์ กังวานครวญมา
รอคอยเรียกข้าทุกวัน


เพลง ถามคนไทย download


หัวใจถูกแทงกี่ขั้ว ตามตัวถูกฟันกี่แผล
ปู่ไทยตายไปกี่คนแน่ ไทยจึงได้แผ่มาถึงแหลมทอง

กระดูกไทยกระเด็นไปกี่ท่อน เชิงตะกอนเผาไปกี่หน
คอขาดกันไปกี่คน ไทยทุกคนจึงได้ไทยครอบครอง

เสียเลือดกันไปเท่าไหร่ เสียใจกันไปกี่ครั้ง
น้ำตาของไทยไหลหลั่ง ทุกๆครั้งที่ถูกเฉือนขวานทอง

เข่นฆ่ากันทำไม เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง
ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร

ไทยฆ่าไทยให้ชาติอื่นครอง
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร

เรือน 3 น้ำ 4

เรือน 3 น้ำ 4

น้ำ 4 นั้น ได้แก่. น้ำกิน; น้ำใช้; น้ำเต้าปูน; น้ำใจ
เรือน หญิงไทยที่ดีจะต้องมีเรือน 3 คือ
1.เรือนผม หมายถึง ผมสะอาดงดงาม
2.เรือนกาย หมายถึงร่างกายสะอาดการแต่งกายดี
3.เรือนที่อยู่หมายถึง เป็นผู้ดุแลรักษาบ้านเรือนสะอาดสวยงาม
ส่วนน้ำ 4 หมายถึงคุณสมบัติของหญิงมีดังต่อไปนี้
1.น้ำมือ หมายถึง การทำอาหาร การเย็บปักถักร้อยมีฝีมือเยี่ยม
2.น้ำใจ หมายถึง เป็นผู้มีจิตใจอันประเสริฐ
3.น้ำคำ หมายถึง เป็นผู้มีวาจาอันไพเราะ
4. น้ำเต้าปูน หมายถึง น้ำที่หล่อเต้าปูนที่ใช้กินกับหมาก ประเพณีเดิมของไทยเวลาแขกมาบ้านจะต้องต้อนรับด้วยการเชิญ
กินหมากเป็นอันดับแรก ข้อนี้หมายถึง การมีกิริยามารยาทในการ
ต้อนรับแขกได้เป็นอย่างดี เป็นแม่บ้านที่มีความรอบคอบดูแล
ทุกสิ่งทุกอย่าง

3 นั้น ได้แก่. เรือนผม; เรือนไฟ; เรือนนอน. เรือนทั้งสามนี้
ต้องรักษาให้สะอาด

จะลิขิต เรื่อง “เรือนสาม” และ “น้ำสี่”

แม้ผู้เฒ่า เล่าความ นมนานปี

ด้วยศรัทธา กุลสตรี ที่ชื่นชม

เรื่องเรือนสาม ตามภาษิต ลิขิตไว้

คือเรือนช่อง ห้องอาศัย ให้เหมาะสม

สองเรือนครัว ดูผักปลา น่านิยม

สามเรือนผม สวยสะอาด ดูบาดใจ

น้ำคำเอ่ย เผยไพเราะ เสนาะพริ้ง

น้ำใจหญิง ยิ่งงดงาม กว่าน้ำไหน

น้ำใช้สอย คอยตรวจตรา น่าชื่นใจ

น้ำมือใคร อร่อยเท่า กับข้าวนาง

เรือน 3 น้ำ 4
คำว่าลูกผู้หญิงต้องเพียบพร้อมไปด้วย “เรือนสามน้ำสี่” หมายความว่า
อะไร ตอบคำว่า “เรือนสามน้ำสี่” มักจะได้ยินเวลาที่ผู้หลักผู้ใหญ่อวยพร
ให้กับเจ้าสาวเป็นหลักยึดใน
การครองชีวิตคู่ หลังจากแต่งงานออกเหย้าออกเรือนไป

เรือนแรก คือ บ้านเรือน ผู้หญิงจะต้องทำความสะอาดเช็ดกวาดถูบ้านเรือน
ให้สะอาดตลอดเวลา รวมไปถึงการจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ไม่ให้
เกะกะรกหูรกตา ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย

เรือนที่สอง คือ เรือนผม ผู้หญิงจะต้องมีเรือนผมที่สะอาด ดูดีเรียบร้อย ทั้งก่อนเข้านอนและหลังจากตื่นนอนแล้ว

เรือนที่สาม คือ เรือนกาย เรื่องนี้สำคัญ เพราะผู้หญิงที่เนื้อตัวดูสกปรก
มอมแมม ย่อมไม่น่ามองนัก


ส่วนน้ำสี่นั้น

น้ำแรก คือ น้ำใจ ฝ่ายหญิงจะต้องรู้จักการมีน้ำใจต่อสามี บุตรธิดา รวมไปถึงพ่อแม่ของฝ่ายสามีและญาติพี่น้อง
เช่น ให้การต้อนรับที่ดี สำรับคาวหวานต้องไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อไปเยี่ยมญาติพี่น้องก็ต้องแสดงน้ำใจอาจมีของฝากเป็นเสื้อผ้าหรือผลไม้

น้ำที่สอง คือ น้ำคำ ผู้หญิงต้องมีมุธรสวาจาไพเราะเสนาะหู อ่อนหวาน
ไม่ว่าจะโอภาปราศรัยกับสามี ญาติพี่น้องหรือบุคคลอื่น งดการนำเรื่อง
เดือดเนื้อร้อนใจต่างๆมาพูดให้สามีฟัง ถ้าจะพูดต้องดูกาลเทศะให้ดี

น้ำที่สาม คือ น้ำมือ ลูกผู้หญิงต้องมีฝีมือในการทำอาหารการกิน รสชาต
ิต้องอร่อย สะอาดสะอ้าน รู้ใจคนในบ้านว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร รู้จักการ
ทำแบบประหยัดแต่มีคุณค่า

น้ำที่สี่ คือ น้ำเต้าในปูน สมัยก่อนทุกบ้านเรือนจะมีเต้าปูนแดงที่ใช้กินกับหมาก เจ้าปูนแดงนี้จะต้องมีน้ำหล่ออยู่เสมอ ปูนแดงจะได้ไม่แห้งแข็ง เวลาใช้ไม้พายป้ายปูนใส่ใบพลูจะได้ปาดได้เรียบ ถ้าเต้าปูนบ้านใครเมื่อยกม
ารับแขกแล้วน้ำในเต้าปูนแห้ง ถือว่าลูกสาวบ้านนี้ขี้เกียจ หรือแม่บ้านบกพร่อง

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551