วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

หลวงพ่อด่วน พระ เกจิดังเผาไม่ไหม้!

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้! หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุมเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว
นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่สุด
นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่งครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที
ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ในโลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ
สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน
พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ตั้งแต่ค่ำวันที่ 9 พ.ย. เป็นต้นไป จะมีพิธีสวดอภิธรรม เป็นเวลา 3 คืน จากนั้นจะนำศพหลวงพ่อบรรจุใส่โลงแก้วแล้วตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและผู้ที่เลื่อมใสศรัทธากราบนมัสการสักการบูชาต่อไป
มหัศจรรย์หลวงพ่อด่วนวัดบางนอน ไฟเผาไม่ไหม้ มหัศจรรย์หลวงพ่อด่วนวัดบางนอน ไฟเผาไม่ไหม้ ข่าวฮือฮาที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ หลวงพ่อด่วน เกจิอาจารย์ดังวัดวารีบรรพตหรือวัดบางนอน แสดงปาฏิหารย์ ในงานพระราชทานเพลิงศพ ท่ามกลางสายตาของประชาชนจำนวนมากที่มาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ไฟติดนานกว่า 30 นาทีแต่ทั้งศพและจีวรไม่ไหม้ คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์จึงได้ยุติการประชุมเพลิง และนำร่างของท่านลงจากเมรุพิธี

ศิษยานุศิษย์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ประชุมเพลิง คือนายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผอ.สถานศึกษา วิทยาลัยเทคนิคระนอง ผู้หนึ่งได้กล่าวว่า “ความประสงค์จริง ๆ ของหลวงพ่อด่วนนั้น ท่านไม่อยากให้เผา แต่ท่านอยากให้เก็บไว้ในโลงแก้ว” และนายจำเนียร ภูมิลักษณ์ ประธานสภาอบต.ประชาขันธ์ จ.พัทลุง หลานชายของหลวงพ่อด่วน ได้กล่าวว่า “ผมเองเป็นหลานชายแท้ ๆ ของหลวงพ่อด่วน โดยในวันนี้ได้เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพและประชุมเพลิง ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะก่อนหน้านี้ได้เคยพบกับหลวงลุงและพูดคุยกันที่โรงพยาบาล ช่วงที่ท่านยังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล หลวงลุงได้บอกกับผมไว้ว่า ถ้ากูเป็นอะไรไปอย่าเผาท่านกู กูร้อน ถ้าใครไม่เชื่อแล้วจะได้เห็นเอง แต่ผมมาอยู่ตรงนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคณะกรรมการในการตัดสินใจและจัดงานศพให้กับหลวงลุง ได้แต่บอกกับทางคณะกรรมการว่า ถ้าในพิธีประชุมเพลิงจุดไฟไม่ติด หรือร่างท่านไม่ไหม้ ก็ให้หยุดทันที ซึ่งเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอย่างนั้นจริง ๆ “

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2550 ที่ผ่านมานี้ที่วัดวารีบรรพตหรือวัดบางนอน ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง ได้มีการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูประภัทร์วิริยคุณ (หลวงพ่อด่วน) อดีตเจ้าอาวาสวัดวารีพบรรพตหรือวัดบางนอน ที่ได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 โดยมี นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเป็นประธานฝ่ายฆราวาส เมื่อถึงเวลา 21.00 น. ได้มีการประชุมเพลิง ณ เมรุลอย ด้านข้างวิหารพระพุทธไสยาสน์ ตรงข้ามอาคารรูปปั้นหลวงปู่ทวด หลังจากที่ไฟติดนานเป็นเวลากว่า 30 นาที ปรากฎว่าทั้งจีวรและร่างของหลวงพ่อด่วนไม่ไหม้ไฟ ดวงตายังแววใส จากการสังเกตุดูศพของหลวงพ่อเมื่อยกออกมาจากโลง ยังอยู่ในสภาพนอนหงายเหมือนคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากบริเวณผิวหนังของแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แว่นตาที่สวมใส่อยู่ก็ไม่มีรอยร้าวหรือหม่นหมองแต่อย่างใด ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มศพก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และขณะนี้ได้นำกลับมาบรรจุลงในหีบศพและวางไว้ที่วิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพดังเดิม เพื่อรอการเปลี่ยนเพื่อบรรจุลงโลงแก้ว และเก็บไว้ให้ศิษยานุศิษย์และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้มาสักการบูชาต่อไป

ข่าวนี้เป็นข่าวที่พุทธศาสนิกทั่วไปต่างโมทนา สาธุ ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ที่เกิดจากอำนาจของพุทธคุณที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์และบรรยายได้ แต่ก็ไม่สามารถคัดค้านว่าไม่เป็นความจริงได้เช่นกัน แต่ก็นับว่าเป็นข่าวด้านบวก ต่อวงการพระพุทธศาสนา ทำให้คนเชื่อมั่นต่อพระสงฆ์มากขึ้น หลังจากที่น.ส.พ.เอาแต่ตีข่าวฉาวโฉ่ของพระสงฆ์ที่ประพฤติเสื่อมเสีย เพื่อขายข่าวมาตลอด อย่างว่าละครับ ข่าวดีๆ ข่าวสร้างสรรค์ มันไม่ดัง ไม่ฮือฮา เขียนหากินไม่ได้นิ!!!ภาพและข่าวจาก website : จังหวัดระนอง


เรื่อง มหัศจรรย์หลวงพ่อด่วนวัดบางนอน จ.ระนองเผาไม่ไหม้

ขอนมัสกาลครับผมสงสัยว่า ทำไมเปลวไฟ ถึงไม่ไหม้สงขารณ์หลวงพ่อด่วน ครับ*************************เปลวไฟไม่ไหม้สังขารณ์ "หลวงพ่อด่วน ถามวโร" พระเกจิชื่อดังจังหวัดระนอง ศิษยานุศิษย์แห่แย่งจีวร นำบูชา-เครื่องลางของขลัง เมื่อเวลา16.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือ "หลวงพ่อด่วน ถามวโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน พระเกจิชื่อดังจังหวัดระนอง ณ เมรุลอย ภายในวัดวารีบรรพต ม.1ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง โดยมีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวัน ได้มีฝนตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาพิธีพระราชทานเพลิงศพ ฝนกลับหยุดตก สร้างความประหลาดใจแก่แขกผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก จากนั้นในเวลา 21.00 น. ได้มีการประกอบพิธีประชุมเพลิง โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วน ออกจากโลงแล้ว ก็ได้มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพทันที โดยสัปเหร่อได้จุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเพื่อเร่งเปลวไฟให้ลุกไหม้สักครู่ใหญ่ ประมาณ 30 นาที ทางคณะศิษยานุศิษย์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ ได้สังเกตุเห็นว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อด่วนแม้แต่น้อย มีแต่เพียงจีวรที่ห่มอยู่ที่ถูกเปลวไฟเผาไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงทำให้คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อด่วนตัดสินใจยุติการฌาปนกิจศพทันที ต่อจากนั้นได้นำเอาศพของหลวงพ่อด่วน ใส่ในโลงศพแล้วนำขึ้นไปวางในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมกับยกศพของหลวงพ่อด่วนออกจากโลง แล้วมาวางบนแท่นเพื่อเปลี่ยนจีวรให้ใหม่ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของคณะศิษยานุศิษย์ผู้เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงพ่อด่วน เพราะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่เป็นเหตุให้เปลวไฟไม่เผาไหม้ร่าง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ ก็ได้กันไม่ให้ประชาชนที่มาร่วมงานและไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพหลวงพ่อด่วน เพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายเข้าไปมุงดูศพและแย่งชิงจีวร เครื่องอัฏฐบริขารต่างๆเพื่อนำไปบูชา ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากการสังเกตุศพของหลวงพ่อด่วน เมื่อยกออกมาจากโลง อยู่ในสภาพนอนหงายเหมือนคนนอนหลับมือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากบริเวณผิวหนังของแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แว่นตาที่สวมใส่อยู่ก็ไม่มีรอยร้าวหรือหม่นหมองแต่อย่างใด ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มศพก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทันทีที่พระภิกษุและเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรที่ห่มอยู่ออก แล้วห่มจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อก็แย่งชิงจีวรผืนเก่ากันเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง หลังจากเปลี่ยนจีวรใหม่แล้วคณะศิษยานุศิษย์จึงได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศรีษะเพื่อให้ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นก็นำศพเก็บไว้ในโลงตามเดิมเพื่อรอเก็บศพไว้ในโลงแก้ว กระทั่งเวลา 23.00 น. คณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกันและมีมติให้เก็บสังขารณ์หลวงพ่อด่วนไว้ในโลงแก้ว นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน ผู้เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อด่วน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ เพราะได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่งครัดและยาวนาน ในขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตุอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที ทางด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ทางคณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์ เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว ตามความประสงค์ของของพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบนมัสการสักการบูชาต่อไป สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ ได้มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 ด้วยโรคปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณโรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา ชื่อเดิมว่า "ด่วน ปรางสุวรรณ" โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ปรางสุวรรณ ภูมิลำเนาเดิมบ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 เมื่อเรียนจบชั้น ป.4 แล้ว ช่วยพ่อแม่ทำนา พ่ออายุ 21 ปี สมัครเข้ารับราชการตำรวจ แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก จึงตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระ ณ วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง จำพรรษาอยู่ที่วัดบางแก้วใต้ 1 พรรษา จากนั้นไปปฏิบัติกรรมฐานที่ถ้ำบนเขาชัยสน 2 พรรษา และได้ออกธุดงค์โปรดสัตว์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ หลายจังหวัด จนได้มาถึงปากน้ำเมืองระนอง ขณะที่ปักกลดธุดงค์อยู่นั้น นายไปล์ จุลเขตต์ ชาวบ้านตำบลบางนอนได้นิมนต์ให้ไปปักกลดที่บ้านบางนอนบริเวณตรงที่สร้างพระนอนในปัจจุบัน อยู่มาคืนหนึ่งขณะที่นอนจำวัดเห็นคนรูปร่างใหญ่ผิวดำมีขนตามตัวยาวนุ่งผ้าโจงกระเบนไม่ใส่เสื้อ มีแต่ผ้าพาดบ่า ได้เดินมาหาแล้วพูดว่าขอนิมนต์ให้อยู่ที่นี่ หลวงพ่อจึงได้ตัดสินใจอยู่ที่จังหวัดระนองและสร้างวัดขึ้นตั้งแต่ปี 2502 เป็นต้นมา คือ วัดวารีบรรพต (วัดบางนอน)ในปัจจุบัน ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด.อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์(พระนอน)ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ พร้อมทั้งจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระเป็นจำนวนมาก เพื่อนำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ มาจวบจนถึงปัจจุบันวัดบางบอน

ไม่มีความคิดเห็น: