วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

เรือน 3 น้ำ 4

เรือน 3 น้ำ 4

น้ำ 4 นั้น ได้แก่. น้ำกิน; น้ำใช้; น้ำเต้าปูน; น้ำใจ
เรือน หญิงไทยที่ดีจะต้องมีเรือน 3 คือ
1.เรือนผม หมายถึง ผมสะอาดงดงาม
2.เรือนกาย หมายถึงร่างกายสะอาดการแต่งกายดี
3.เรือนที่อยู่หมายถึง เป็นผู้ดุแลรักษาบ้านเรือนสะอาดสวยงาม
ส่วนน้ำ 4 หมายถึงคุณสมบัติของหญิงมีดังต่อไปนี้
1.น้ำมือ หมายถึง การทำอาหาร การเย็บปักถักร้อยมีฝีมือเยี่ยม
2.น้ำใจ หมายถึง เป็นผู้มีจิตใจอันประเสริฐ
3.น้ำคำ หมายถึง เป็นผู้มีวาจาอันไพเราะ
4. น้ำเต้าปูน หมายถึง น้ำที่หล่อเต้าปูนที่ใช้กินกับหมาก ประเพณีเดิมของไทยเวลาแขกมาบ้านจะต้องต้อนรับด้วยการเชิญ
กินหมากเป็นอันดับแรก ข้อนี้หมายถึง การมีกิริยามารยาทในการ
ต้อนรับแขกได้เป็นอย่างดี เป็นแม่บ้านที่มีความรอบคอบดูแล
ทุกสิ่งทุกอย่าง

3 นั้น ได้แก่. เรือนผม; เรือนไฟ; เรือนนอน. เรือนทั้งสามนี้
ต้องรักษาให้สะอาด

จะลิขิต เรื่อง “เรือนสาม” และ “น้ำสี่”

แม้ผู้เฒ่า เล่าความ นมนานปี

ด้วยศรัทธา กุลสตรี ที่ชื่นชม

เรื่องเรือนสาม ตามภาษิต ลิขิตไว้

คือเรือนช่อง ห้องอาศัย ให้เหมาะสม

สองเรือนครัว ดูผักปลา น่านิยม

สามเรือนผม สวยสะอาด ดูบาดใจ

น้ำคำเอ่ย เผยไพเราะ เสนาะพริ้ง

น้ำใจหญิง ยิ่งงดงาม กว่าน้ำไหน

น้ำใช้สอย คอยตรวจตรา น่าชื่นใจ

น้ำมือใคร อร่อยเท่า กับข้าวนาง

เรือน 3 น้ำ 4
คำว่าลูกผู้หญิงต้องเพียบพร้อมไปด้วย “เรือนสามน้ำสี่” หมายความว่า
อะไร ตอบคำว่า “เรือนสามน้ำสี่” มักจะได้ยินเวลาที่ผู้หลักผู้ใหญ่อวยพร
ให้กับเจ้าสาวเป็นหลักยึดใน
การครองชีวิตคู่ หลังจากแต่งงานออกเหย้าออกเรือนไป

เรือนแรก คือ บ้านเรือน ผู้หญิงจะต้องทำความสะอาดเช็ดกวาดถูบ้านเรือน
ให้สะอาดตลอดเวลา รวมไปถึงการจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ไม่ให้
เกะกะรกหูรกตา ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย

เรือนที่สอง คือ เรือนผม ผู้หญิงจะต้องมีเรือนผมที่สะอาด ดูดีเรียบร้อย ทั้งก่อนเข้านอนและหลังจากตื่นนอนแล้ว

เรือนที่สาม คือ เรือนกาย เรื่องนี้สำคัญ เพราะผู้หญิงที่เนื้อตัวดูสกปรก
มอมแมม ย่อมไม่น่ามองนัก


ส่วนน้ำสี่นั้น

น้ำแรก คือ น้ำใจ ฝ่ายหญิงจะต้องรู้จักการมีน้ำใจต่อสามี บุตรธิดา รวมไปถึงพ่อแม่ของฝ่ายสามีและญาติพี่น้อง
เช่น ให้การต้อนรับที่ดี สำรับคาวหวานต้องไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อไปเยี่ยมญาติพี่น้องก็ต้องแสดงน้ำใจอาจมีของฝากเป็นเสื้อผ้าหรือผลไม้

น้ำที่สอง คือ น้ำคำ ผู้หญิงต้องมีมุธรสวาจาไพเราะเสนาะหู อ่อนหวาน
ไม่ว่าจะโอภาปราศรัยกับสามี ญาติพี่น้องหรือบุคคลอื่น งดการนำเรื่อง
เดือดเนื้อร้อนใจต่างๆมาพูดให้สามีฟัง ถ้าจะพูดต้องดูกาลเทศะให้ดี

น้ำที่สาม คือ น้ำมือ ลูกผู้หญิงต้องมีฝีมือในการทำอาหารการกิน รสชาต
ิต้องอร่อย สะอาดสะอ้าน รู้ใจคนในบ้านว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร รู้จักการ
ทำแบบประหยัดแต่มีคุณค่า

น้ำที่สี่ คือ น้ำเต้าในปูน สมัยก่อนทุกบ้านเรือนจะมีเต้าปูนแดงที่ใช้กินกับหมาก เจ้าปูนแดงนี้จะต้องมีน้ำหล่ออยู่เสมอ ปูนแดงจะได้ไม่แห้งแข็ง เวลาใช้ไม้พายป้ายปูนใส่ใบพลูจะได้ปาดได้เรียบ ถ้าเต้าปูนบ้านใครเมื่อยกม
ารับแขกแล้วน้ำในเต้าปูนแห้ง ถือว่าลูกสาวบ้านนี้ขี้เกียจ หรือแม่บ้านบกพร่อง

ไม่มีความคิดเห็น: